ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

คลังข้อมูลข่าวย้อนหลัง

อวสาน ‘ลอยด์ส’ สิงคโปร์ มหันตภัยเล่นงาน เคลมประกันภัยในไทยสะเทือน

ความเสียหายจากน้ำท่วมในไทยเป็นเหตุผลหนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาเจอมหันตภัยในเอเชีย ทำธุรกิจเฉพาะในเอเชียความเสียหายจึงมีมาก

อวสาน ‘ลอยด์ส’ สิงคโปร์ มหันตภัยเล่นงาน เคลมประกันภัยในไทยสะเทือน

ธันวาคม
11

โดย สยามธุรกิจ วันที่ 7 ธันวาคม 2554 เวลา 00:00 น.

น้ำท่วมไทยสะเทือน “ลอยด์ส” ยักษ์ประกันต่อโลก วงในเผย “ลอยด์ส ซินดิเคต 1965” ในสิงคโปร์ที่มีเทมาเส็กถือหุ้นประกาศหยุดกิจการ/ชำระบัญชี หลังเจอมหันตภัยหลายลูกในเอเชีย หนักสุดคือน้ำท่วมไทย จับตาผลกระทบลามถึงไทย รายที่ซื้อประกันภัยต่อกับบริษัทนี้อาจเจอปัญหา เรียกเคลมได้ช้าหรือได้เงินไม่ครบ

เตือนวิกฤติหนี้ยุโรปอาจกระทบฐานะประกันภัยต่อชิ่งถึงไทยเช่นกัน ด้านคปภ.ยอมรับปีนี้ประกันภัยผลงานไม่ดีเบี้ยหลุดเป้า เชื่อปีหน้ากระตุกขึ้น ด้านวินาศภัยหั่นเป้าลง 3% คาดปิดหีบ 1.45 แสนล้าน ส่วนประกันชีวิตโตแค่ 10% ต่ำกว่าเป้า 5% เบี้ยรวม 3.3 แสนล้าน

แหล่งข่าวจากวงการประกันภัย เปิดเผยว่า ลอยด์ส ซินดิเคต 1965 (Lloyd’s syndicate 1965) ที่ประเทศสิงคโปร์ในเครือของลอยด์ส ออฟ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นตลาดรับประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอส์) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศหยุดกิจการ/ชำระบัญชี เนื่องจากได้รับความเสียหายอย่างหนักจากมหันตภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และรุนแรงมากในเอเชียในปีนี้โดยเฉพาะน้ำท่วมในประเทศไทย

“ความเสียหายจากน้ำท่วมในไทยเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ลอยด์ส ซินดิเคต 1965 หยุดกิจการ หลังจากก่อนหน้านี้เขาเจอมหันตภัยในเอเชียมาตลอดทั้งแผ่นดินไหวที่ไครสเชิร์ส ประเทศนิวซีแลนด์ น้ำท่วมใหญ่ในออสเตรเลียจนมาถึงน้ำท่วมในไทย เขาทำธุรกิจเฉพาะในเอเชียความเสียหายจึงมีมาก ปิดสำนักงานที่สิงคโปร์ไปเลย ซึ่งตามกระบวนการพอหยุดกิจการแล้วก็จะตั้งผู้ชำระบัญชีให้ลูกหนี้มาเคลียร์หนี้”

แหล่งข่าวกล่าวว่า การที่ลอยด์ส ซิน ดิเคต 1965 เลิกทำธุรกิจจะส่งผลกระทบมาถึงการจ่ายค่าสินไหมทดแทนเหตุการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย เพราะมีบริษัทประกันภัยในประเทศไทยจำนวนหนึ่งส่งประกันภัยต่อไปให้กับบริษัทนี้ ซึ่งการที่ลอยด์ส ซินดิเคต 1965 เลิกทำธุรกิจต้องเข้าสู่ขั้นตอนการชำระบัญชีจะมีผลกระทบกับการเรียกเคลมประกันภัยน้ำท่วม ในส่วนที่มีการซื้อประกันภัยต่อกับบริษัทนี้ไว้ การเรียกเคลมอาจจะไม่สะดวก ช้ากว่าเดิม เพราะต้องรอกระบวนการชำระบัญชี หรือออาจจะมีประเด็นได้เงินไม่ครบด้วย โดยบริษัทนี้ประสบปัญหามา 2-3 ปีแล้ว เนื่องจากเจอเคลมมหันตภัยในเอเชียมาตลอด

“ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบ้านเราไม่เหมือนกรณีบริษัท ซีซีอาร์ (Caisse Centrale de Reassurance SA) ซึ่งเป็นบริษัทรับประกันภัยต่อรายใหญ่ของโลกจากฝรั่งเศส ที่มีส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทยเกือบ 30% ที่ถอนตัวออกไปจากประเทศไทย รวมถึงออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เพราะซีซีอาร์แค่ถอนตัวออกไปแต่ยังทำธุรกิจในประเทศอื่นอยู่ ความเสียหายที่เกิดขึ้นในบ้านเราเขาก็ต้องจ่ายเคลมปกติตามเงื่อนไขสัญญา แต่ซินดิเคต 1965 หยุดกิจการและชำระบัญชีผลกระทบต่างกัน”

สำหรับ Lloyd’s syndicate ในสิงคโปร์เป็นเซ็นเตอร์หรือตลาดกลางในการรับประกันภัยต่อในเอเชียของลอยด์ส ทำหน้าที่เหมือนเป็นตัวแทนของลอยด์ส ทำทุกอย่างเหมือนกับลอยด์สที่อังกฤษเพียงแต่มีขีดความสามารถในการรับประกันภัยต่อ มีเงินกองทุนน้อยกว่าลอยด์สในประเทศอังกฤษ โดย Lloyd’s syndicate ในสิงคโปร์จัดตั้งขึ้นจากการรวมตัวและระดมทุนของนักลงทุนในภูมิภาค ซึ่งซินดิเคต 1965 เป็นส่วนหนึ่งของลอยด์สที่สิงคโปร์ เจ้าของคือกลุ่มอาร์เจนต้า (Argenta Syndicate Management Ltd) เป็นกลุ่มนักลงทุนขนาดใหญ่ อาทิ เทมาเส็กของสิงคโปร์, บริษัท มิตซุย แอนด์ โค ที่ญี่ปุ่น เป็นต้นร่วมถือหุ้นอยู่

แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวเพิ่มว่า ไม่ใช่แค่ลอยด์สที่สิงคโปร์เท่านั้นที่ประสบปัญหา แล้วมีผลกระทบมาถึงการเรียกเคลมประกันภัยต่อในประเทศไทย แต่ผู้รับประกันภัยต่อในยุโรปอาจจะเจอปัญหาจากวิกฤติหนี้สินในยุโรป หากผู้รับประกันภัยต่อถือครองพันธบัตรรัฐบาลยุโรปมากๆ ถูกลดมูลค่าลงมูลค่าพันธบัตรจะหายไปมาก กระทบเงินลงทุนทำให้ฐานะการเงินด้อยลงไป เป็นประเด็นที่จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่มาถึงการจ่ายสินไหมในประเทศไทย

อย่างไรก็ดี วิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้นอกจากจะสร้างความเสียหายมหาศาลให้กับธุรกิจประกันภัย โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ประเมินความเสียหายประกันภัยทรัพย์สินเบื้องต้นประมาณ 217,000 ล้านบาท หรือ 30% ของทุนประกันภัยรวม 745,398 ล้านบาท แล้วยังส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของธุรกิจประกันภัยด้วย

เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า อัตราเติบโตของธุรกิจประกันภัยเป็นเส้นกราฟ เมื่อตอนต้นปีเส้นกราฟกระตุกขึ้นแต่พอเกิดน้ำท่วมเส้นกราฟกระตุกลงอยู่ในอาการตกใจ แต่คาดว่าปีหน้าธุรกิจประกันภัยจะกระตุกขึ้น โดยการเติบโตของเบี้ยประกันภัยเทียบกับจีดีพีทั้งปีอยู่ที่ 4% กว่า เป็นเบี้ยประกันชีวิต 2% กว่า และเบี้ยประกันวินาศภัย 1% กว่าอย่างประกันวินาศภัย มีโอกาสที่จะเพิ่มได้อีกมาก เพราะธุรกิจประกันภัยคือธุรกิจบริหารความเสี่ยง หลังเหตุการณ์น้ำท่วมประชาชนจะตระหนักถึงความเสี่ยงมากขึ้น

ทั้งนี้ สำนักงานคปภ.ได้ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมของธุรกิจประกันภัยในปี 2554 นี้ไว้ 489,389 ล้านบาท เติบโต 16.23% แบ่งเป็นประกันชีวิต 351,590 ล้านบาท เติบโต 18.74% และประกันวินาศภัย 137,799 ล้าน บาท เติบโต 10.30% มีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยต่อจีดีพี 4.7% โดยปีหน้าตั้งเป้าหมายสัดส่วนเบี้ยประกันภัยต่อจีดีพีเพิ่มเป็น 5% และเพิ่มเป็น 6% ในปี 2557 ซึ่งเป็นเป้าหมายในแผนการพัฒนาประกันภัยฉบับที่ 2

ด้านนายกสมาคมประกันวินาศภัยกล่าวเสริมว่า สมาคมฯ ได้ปรับเป้าหมายการเติบโตของเบี้ยประกันวินาศภัยในปีนี้ใหม่จากเดิม 15% หรือเบี้ยรับรวมประมาณ 150,000 ล้านบาท เหลือ 12% คิดเป็นเบี้อรับรวมประมาณ 145,000 ล้านบาท เบี้ยหายไปประมาณ 5,000 ล้านบาท เป็นผลกระทบมาจากน้ำท่วมทำให้รถยนต์ผลิตไม่ทันรถใหม่หายไปจากตลาดมาก โดยเบี้ยประกันภัยรถยนต์มีสัดส่วนมากที่สุดถึง 60% ของเบี้ยทั้งหมด

“เป้าหมายเบี้ยต่อจีดีพี 6% ในปี 2557 เชื่อว่าจะทำได้ไวกว่านั้น ปีนี้ตกใจเบี้ยเลยกระตุกลงพอปีหน้าเบี้ยจะพุ่งแรงมาก”

ด้านธุรกิจประกันชีวิต นายกสมาคมประกันชีวิตไทย ยอมรับก่อนหน้านี้ว่า ปีนี้การเติบโตของเบี้ยคงไม่เป็นไปตามเป้าหมาย 15% ที่วางไว้เป็น ผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้ทั้งตัวแทนและลูกค้าต้องกลายเป็นผู้ประสบภัย คาดว่าเบี้ยประกันภัยรวมจะเติบโตได้ในระดับ 10% เท่านั้น หรือเบี้ยรวมน่าจะมีมูลค่าประมาณ 325,000-330,000 ล้านบาท เทียบกับเป้าหมาย 15% หรือคิดเป็นเบี้ยประมาณ 340,000 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานของธุรกิจประกันภัยในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม-กันยายน 2554) จากข้อมูลของคปภ.พบว่า ทั้งระบบมีเบี้ยรับรวมทั้งสิ้น 341,211.177 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 13.40% แบ่งเป็นเบี้ยประกันชีวิต 238,162.127 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 12.70% และเบี้ยประกันวินาศภัย 103,049.050 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 15.05%

ที่มา : สยามธุรกิจ