โดย สยามธุรกิจ วันที่ 23 กรกฎาคม 2554 เวลา 00:00 น.

นับแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองขึ้น มีการชุมนุมประท้วงหลายจุดหนักสุดคือ แถวย่านราชประสงค์ สีลม และบริเวณใกล้เคียงที่มีเผาทำลายทรัพย์สิน ทั้งของรัฐและเอกชนเสียหายจำนวนมาก ทำให้ประกันภัยก่อการร้ายที่มีขายมาเป็นเวลานาน แต่คนทั่วไปไม่รู้จักเพราะเดิมจะขายอยู่เฉพาะในพื้นที่เสี่ยง 3-4 จังหวัดภาคใต้ เริ่มได้รับความสนใจจากประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงแถวราชประสงค์ ในช่วงแรกๆ นับแต่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ประกันภัยก่อการร้ายหาซื้อยาก เนื่องจากบริษัทประกันภัยในประเทศไทยขายลำบาก เพราะมีความเสี่ยงสูงทางบริษัทที่รับประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอส์) ในต่างประเทศปรับเบี้ยประกันภัยขึ้นมากทำให้เบี้ยมีราคาแพง อีกทั้งยังเข้มงวดกับการรับประกันภัยต่อมาก

“เนื่องจากเหตุการณ์ในบ้านเราเริ่มสงบ การเลือกตั้งผ่านไปด้วยดี ทางรีอินชัวเรอส์เริ่มสบายใจผ่อนคลายความเข้มงวดลง ทำให้บริษัทประกันภัยขายประกันก่อการร้ายได้ง่ายขึ้น เบี้ยประกันถูกลง คนซื้อได้ง่ายกว่าตอนเกิดเหตุการณ์ใหม่ๆ ตอนนั้นซื้อยากบางพื้นที่รีอินชัวเรอส์ก็ไม่รับ อย่างราชประสงค์หรือสีลม ดังนั้นเราจะบุกมากขึ้นมองเห็นแนวโน้มตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็นต้นไป สินค้าตัวนี้จะขายได้มากขึ้นเพราะอัตราเบี้ยดีขึ้น คุยกับรีอินชัวเรอส์ได้ง่ายขึ้น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บมจ. ทิพยประกันภัย กล่าว ทั้งนี้บริษัทเตรียมจะออกกรมธรรม์ประกันภัยก่อการร้ายแบบใหม่ ขายลูกค้ารายย่อยทั่วประเทศอาทิ ตึกแถว ร้านค้า บ้านอยู่อาศัย เป็นต้น กำหนดทุนประกันไม่เกิน 10 ล้านบาท อยู่ระหว่างดีไซน์คาดว่าจะนำออกขายได้ภายใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้ โดยกรมธรรม์ใหม่ที่จะออกมาเป็นรูปแบบง่ายๆ คือกำหนดเบี้ยประกันเป็นราคาเดียวเท่ากันทั่วประเทศ ไม่แยกทำเลที่ตั้งทรัพย์สินและไม่แยกประเภททรัพย์สิน ขณะนี้มีลูกค้ารายใหญ่ คือสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬา ที่เป็นเจ้าของตึกจามจุรีสแควร์และอาคารพาณิชย์ ย่านสยามสแควร์ทั้งหมดที่เป็นลูกค้าเก่า ทำประกันอัคคีภัยทรัพย์สินอยู่กับบริษัทติดต่อมาจะทำประกันก่อการร้าย คุ้มครองทรัพย์สินทั้งหมดของสำนักงานเพิ่ม เพื่อป้องกันความเสี่ยงเนื่องจากบริเวณนั้น เป็นพื้นที่เสี่ยงเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง

ด้านบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวว่า หลังจากตลาดได้ปรับเบี้ยประกันภัยก่อการร้ายไป หลังการเกิดเหตุการณ์เดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา ปัจจุบันราคาเบี้ยประกันภัยในตลาด ยังคงอยู่ในระดับเดิม ไม่มีการปรับขึ้นหรือลดลงตามความเสี่ยงที่ยังคงมีอยู่ อาจต้องดูเหตุการณ์หลังเลือกตั้งไป 3 ถึง 6 เดือน อย่างไรก็ดีระหว่างเดือนพฤษภาคม- ธันวาคม 2553 มีลูกค้าสนใจซื้อประกันภัยก่อการร้ายเพิ่มมากขึ้นส่วนใหญ่จะเป็น ร้านค้าและบริษัทที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งทำให้เบี้ยประกันภัยของบริษัทในช่วงเวลาดังกล่าว เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 100% สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยก่อการร้าย 100 ล้านบาทคาดว่าทั้งปีน่าจะมีเบี้ยประมาณ 80 ล้านบาท เบี้ยส่วนใหญ่เกิดจากงานต่ออายุที่มีการเพิ่มอัตราเบี้ยประกันภัย ขณะที่ลูกค้าใหม่ยังมีไม่มากนัก “แนวโน้มสถานการณ์ก่อการร้ายถึงสิ้นปีนี้ยังไม่น่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่คงต้องรอดูสถานการณ์หลังจากการได้จัดตั้งรัฐบาลใหม่ไปอีกประมาณ 6 เดือน”

ส่วนบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายขยายประกันภัยก่อการร้ายเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาประกันก่อการร้ายอัตราเติบโตดีเบี้ยประกัน 50-60 ล้านบาท เนื่องจากเหตุการณ์ที่ย่านราชประสงค์เมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้คนตื่นตัวมากขึ้น ไม่ใช่แค่ย่านราชประสงค์เท่านั้นแต่กระจายไปทั่วประเทศ ลูกค้ามีทั้งรายใหญ่อาทิ ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร และรายย่อย เช่น ร้านค้าในห้าง ปีนี้บริษัทจะมีเบี้ยประกันก่อการร้ายเพิ่มเป็น 100 ล้านบาท เพราะมีลูกค้ารายใหญ่ต่อสัญญาซื้อทุนประกันเพิ่ม ขณะที่รีอินชัวเรอส์ในต่างประเทศเริ่มผ่อนปรนความเข้มงวดไม่เหมือนช่วงเกิดเหตุแรกๆ เมื่อปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังประเมินความเสี่ยงประเทศไทยลดลงการเลือกตั้งผ่านไปด้วยดี ทำให้เวลาขายคุยเงื่อนไขกับลูกค้าง่าย เบี้ยประกันภัยปรับลดลงมากแม้จะไม่ถึง 50% ก็ตาม เบี้ยสมเหตุสมผลมากขึ้น โดยพื้นที่เสี่ยง (เรดโซน) ขณะนี้มีแค่ 3 จังหวัดในภาคใต้ โดยบริษัทเป็นผู้นำในตลาดนี้อยู่ ผู้เล่นรายใหญ่ๆ มีไม่เกิน 4 ราย

ที่มา : สยามธุรกิจ