โดย สยามธุรกิจ วันที่ 6 กรกฎาคม 2554 เวลา 00:00 น.

ประธานคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัย ประเมินแนวโน้มธุรกิจประกันภัยรถยนต์ถึงสิ้นปีนี้ว่า ตัวเลขการเติบโตอย่างเป็นทางการทางคณะกรรมการยังไม่มีการประเมินออกมา แต่ถ้าดูจากสถิติในปัจจุบันบนพื้นฐานของเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.) แนวโน้มเศรษฐกิจและประมาณการของผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ คาดว่า เบี้ยประกันภัยรถยนต์น่าจะเติบโตได้เป็นเลข 2 หลัก น่าจะถึง 12-15% หรือคิดเป็น เบี้ย รับรวมประมาณ 83,544-85,782 ล้านบาท ยึดตามข้อมูลของ คปภ.

เบี้ยประกันภัยรถยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 74,593 ล้านบาท ส่วนค่าสินไหมทดแทนปีนี้ตัวเลขขยับเพิ่มขึ้น แน่เป็นผลจากการเพิ่มความคุ้มครองพื้นฐาน ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจกรณีผู้ประสบภัยจากรถเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวร (ฐานานุรูป) กำหนด ให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 300,000 บาท (เดิม 100,000 บาท) หากรวมสินไหมทดแทนประกันภัยพ.ร.บ.เป็นไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้กับกรมธรรม์ที่เริ่มให้ความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นไปนั้น คาดปีนี้สินไหมรถเพิ่ม 720 ล้าน

คำนวณจากข้อมูลในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ 12,000 ราย คิดแค่ช่วง 6 เดือนหลังประมาณ 6,000 ราย ค่าสินไหมทดแทนประกันภัยรถยนต์เฉลี่ยที่ผ่านมา จ่ายกันอยู่ประมาณ 180,000 บาทต่อคน เท่ากับต้องจ่ายเพิ่มอีกรายละ 120,000 บาทคูณกับ 6,000 ราย

ในเรื่องเบี้ยประกันภัยที่ขายอยู่จะไม่พอ ซึ่งเราก็ทำความเข้าใจกับบริษัทสมาชิกแล้ว พิกัดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (ทาร์ริฟ) ที่ใช้อยู่ในตอนนี้เป็นขั้นต่ำ ถ้าราคาที่ขายอยู่ไม่ พอก็ปรับขึ้นมาใช้พิกัดสูงกว่าเดิมได้ แต่ห้ามเกินเพดานสูงสุดที่คปภ.กำหนดไว้ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท เท่าที่ดูบางบริษัทจ่ายสินไหมทดแทนประกันภาคสมัครใจเฉลี่ย 300,000 บาทอยู่แล้ว ส่วนบริษัทที่จ่ายต่ำกว่าแล้วต้องจ่ายเพิ่มขึ้น ถ้าดูแล้วเบี้ยไม่พอปรับเพิ่มเบี้ยได้ พิกัดเบี้ยที่ใช้อยู่รองรับได้ หากไม่พอค่อยมาทบทวนในรอบต่อไป”

ด้านสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้นในส่วนนี้ สมาคมฯไม่สร้างมาตรการลดสินไหมทดแทนโดยตรงเนื่องจาก การเพิ่มความคุ้มครองเป็นข้อตกลงที่คปภ.กำหนดให้ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตาม แต่กิจกรรมหนึ่งที่อยู่ในแผนการทำงานในช่วง 2 ปีนี้ของคณะกรรมการฯ คือการจัดหามาตรการรณรงค์ลดอุบัติภัยบนท้องถนนร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้สอดรับกับทศวรรษแห่งความปลอดภัยบนท้องถนนในปี 2554-2563 ที่รัฐบาลประกาศไว้ ซึ่งมาตรการต่างๆน่าจะทำให้การเกิดอุบัติภัยบนท้องถนนลดลง ทำให้ค่าสินไหมทดแทนลดลงด้วย

คณะกรรมการฯยังมีแผนดำเนินงานอีกหลายเรื่อง เน้นการสร้างระบบที่เป็นมาตรฐานมากขึ้น เพื่อให้บริษัทสมาชิกมีมาตรฐานในการดำเนินธุรกิจ

“อีกเรื่องที่ถือเป็นเรื่องใหม่ที่จะทำคือหากมีนโยบายใหม่ๆ อะไรออกมาเราจะเชิญสมาชิกมาคุยกันก่อนเห็นด้วยหรือไม่ จากเดิมจะคุยกันในคณะกรรมการก่อนแจ้งสมาชิก รวมถึงใช้ข้อมูลวิชาการมาบริหารจัดการสมาคมมากขึ้นเช่น หากจะทำสำรวจหรือวิจัยต่างๆ จะใช้องค์ความรู้ด้านวิชาการเข้ามาช่วยมากขึ้น เพื่อยกระดับธุรกิจประกันภัยรถยนต์ นอกจากนี้ยังมีงานที่ต่อเนื่องจากคณะกรรมการชุดเดิมที่เราจะทำต่อ เช่น จัดทำมาตรฐานคู่มือการตีความประกันภัยรถยนต์ การอบรมสัมมนาสร้างความสัมพันธ์กับสมาชิก”

ที่มา : สยามธุรกิจ