ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

คลังข้อมูลข่าวย้อนหลัง

รัฐบาลใหม่หนุนวินาศภัย เบี้ยประกันภัยรถยนต์ทะลัก

นโยบายของทุกพรรคเน้นกระตุ้นรายได้ของผู้บริโภค เพิ่มกำลังซื้อเป็นบวกกับทุกธุรกิจรวมถึงประกันภัย ฟันธงประกันชีวิตและประกันวินาศภัยยังคงขยายตัวได้ดี

รัฐบาลใหม่หนุนวินาศภัยโต 15% เบี้ยประกันภัยรถยนต์ทะลัก

กรกฎาคม
6

โดย สยามธุรกิจ วันที่ 2 กรกฎาคม 2554 เวลา 00:00 น.

แนวโน้มธุรกิจประกันภัยในช่วงครึ่งปีหลังท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ทางการเมืองกับการมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารจัดการประเทศ ประกันชีวิตและประกันวินาศภัยยังคงขยายตัวได้ดีเป็นเลข 2 หลักอยู่ โดยฝั่งประกันวินาศภัยเชื่อว่ารัฐบาลใหม่น่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจ ขณะที่ประกันชีวิตประเมินตารางมรณะของใหม่ ที่จะเริ่มใช้คือตัวแปรหลักที่จะมีผลต่ออัตราเติบโต

“ภาพรวมครึ่งปีแรกเบี้ยรวมประกันวินาศภัยโตไม่มาก ในไตรมาสแรกโตได้ดีอยู่ แต่ไตรมาส 2 แย่ลงน่าจะเติบโตไม่ถึง 10% เป็นผลกระทบมาจากแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น ค่ายรถยนต์ชะลอการส่งมอบรถใหม่ ทำให้เบี้ยรถใหม่หายไปมาก”

ในช่วงครึ่งปีหลังธุรกิจประกันวินาศภัย น่าจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรกถึง 15% โดยประกันภัยรถยนต์จะเติบโตโดดเด่นมาก เพราะอั้นมาตั้งแต่ไตรมาสสองอันเป็นผลกระทบจากญี่ปุ่น ซึ่งเหตุการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ผู้ผลิตรถยนต์น่าจะเริ่มส่งมอบรถได้ประมาณสิงหาคม หรือกันยายนนี้ทำให้ยอดขายรถใหม่เพิ่มขึ้นมาก บวกกับดอกเบี้ยในประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้นอีกในช่วงปลายปี ทำให้ดอกเบี้ยเช่าซื้อแพงประชาชนจะรีบซื้อรถไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแพง ซึ่งเมื่อประกันภัยรถยนต์เติบโตมาก ทำให้เบี้ยวินาศภัยขยายตัวมากตามไปด้วย เพราะเบี้ยรถยนต์มีสัดส่วนถึง 60% ของทั้งอุตสาหกรรม สำหรับประกันภัยประเภทต่างๆ น่าจะขยายตัวได้ดีไม่แพ้กัน

อย่างประกันอัคคีภัยเพราะเชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะเร่งโปรโมตตลาดบ้านอยู่อาศัย บวกกับดอกเบี้ยในตลาดจะเพิ่มขึ้นอีกทำให้ผู้บริโภค เร่งซื้อบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงภาระดอกเบี้ยเงินกู้แพง เช่นเดียวกับประกันภัยทางทะเลและขนส่ง (มารีน) ที่จะเติบโตตามการส่งออกและนำเข้าสินค้า ที่น่าจะขยายตัวได้มากขึ้น เนื่องจากตลาดส่งออกสำคัญๆ อย่างญี่ปุ่นที่ต้องฟื้นฟูประเทศอย่างมาก ภายหลังเจอสึนามิจะนำเข้าสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้าง จากประเทศไทยมากขึ้น ยิ่งกว่านั้นสินค้าเกษตรจะมีราคาดีขึ้นด้วย เนื่องจากความต้องการในตลาดโลกยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะประเทศจีนที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ต้องสั่งซื้อสินค้าเกษตรจากไทยมากขึ้น โดยไทยเป็นประเทศส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลก ทำให้ประกันภัยการขนส่งสินค้าขยายตัว และการที่สินค้าเกษตรมีราคาดีขึ้นทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น มีกำลังซื้อประกันภัยมากขึ้นโดยเฉพาะประกันภัยราย (รายย่อย) อาทิ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) ประกันสุขภาพ ประกันชดเชยรายได้ ซึ่งผู้บริโภคมีความสนใจมากขึ้นเติบโตตามไปด้วย โดยบริษัทประกันภัยจะออกสินค้าใหม่ๆ มากขึ้น

สิ้นปีเบี้ยประกันวินาศภัยจะเติบโตถึง 15% เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% เบี้ยรับรวมประมาณ 140,000-150,000 ล้านบาท เนื่องจากมีตัวแปรจากเบี้ยก้อนใหม่ โครงการประกันภัยข้าวนาปีที่ประเมินว่าจะมีเบี้ยเข้ามาประมาณ 720 ล้านบาทจากเกษตรกรที่น่าจะทำประกันทั่วประเทศ จำนวน 6 ล้านไร่โดยอัตราเติบโต 10% ข้างต้นไม่รวมเบี้ยจากประกันภัยข้าวนาปี

“ตารางมรณะ” ชี้ชะตาประกันชีวิตขอเวลาประเมินปรับเป้า 15% หรือไม่ ในส่วนของธุรกิจประกันชีวิต นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังปัจจัยกระทบหลัก คือ ตารางมรณะไทย 2551 ที่จะเริ่ม ใช้ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2554 เป็นต้นไป เป็นตัวที่จะส่งผลต่อสัดส่วนการตลาด (Market share) ของบริษัทประกันชีวิต เนื่องจากแต่ละบริษัทต้องปรับเปลี่ยนอัตราเบี้ย ประกันให้สอดคล้องกับตารางมรณะไทยใหม่ ดังกล่าวจึงอาจส่งผลกระทบต่อการขยายงานของธุรกิจประกันชีวิตในระยะแรกที่เริ่มใช้

เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างผู้เอาประกันและบริษัทในภายหลัง นอก เหนือจากสถานการณ์การเมืองหลังการเลือกตั้งแล้ว ก็มีเรื่องของตารางมรณะใหม่ ที่ถือเป็นปัจจัยกระทบหลักต่อธุรกิจประกันชีวิตในครึ่งปีหลัง เพราะส่งผลต่อเบี้ยประกันทั้งระบบลดลงพอสมควร เนื่องจากในบางประเภทของกรมธรรม์ เช่น ประเภทตลอดชีพ (Whole Life) ซึ่งเป็นการคุ้มครองระยะยาว และแบบชั่วระยะเวลา (Term) อัตราเบี้ยจะถูกลงกว่าเดิมประมาณ 20-30%

ที่มา : สยามธุรกิจ