โดย สยามธุรกิจ วันที่ 2 กรกฎาคม 2554 เวลา 00:00 น.

เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงาน คปภ. ร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กรมส่งเสริมการเกษตร และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2554 เพื่อจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีคุ้มครองเกษตรกรผู้ปลูกข้าว กรณีได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติต่างๆ ได้แก่ อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ อากาศหนาว ลูกเห็บ และอัคคีภัย (ไม่รวมภัยจากโรคระบาดและศัตรูพืช)

ความคุ้มครองแบ่งเป็น 2 ระยะคือ 60 วันแรกของการเพาะปลูก จะได้รับค่าสินไหมทดแทนในอัตรา 606 บาทต่อไร่ และตั้งแต่วันที่ 61 เป็นต้นไปของการเพาะปลูกจะได้รับค่าสินไหมทดแทน 1,400 บาทต่อไร่ รวมเงินชดเชยสูงสุดที่จะได้รับ 2,006 บาทต่อไร่ โดยคิดเบี้ยประกันภัย 129 บาทต่อไร่ ซึ่งรัฐบาลจะช่วยสมทบ เงินค่าเบี้ยประกันภัย 69 บาทต่อไร่ ทั้งนี้เกษตรกรที่ไม่ได้เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. จ่าย 60 บาทต่อไร่ แต่หากเป็นเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส.จะจ่ายเบี้ยประกันภัยเอง 50 บาทต่อไร่ และ ธ.ก.ส. ช่วยสมทบ 10 บาทต่อไร่

ในการทำประกันภัยเกษตรกรจะต้องนำเอกสารสิทธิ แสดงที่ตั้งแปลงเพาะปลูกเป็นหลักฐาน พร้อมแจ้งจำนวนพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นที่แปลงเพาะปลูกข้าว บริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามเกณฑ์การประเมินของรัฐบาล ที่ใช้ในโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ โดยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับเอกสารประกอบการจ่าย ค่าสินไหมทดแทนครบถ้วน การประกันภัยข้าวนาปีดังกล่าว จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงิน และเป็นการสร้างความมั่นใจแก่เกษตรกรว่า จะได้รับการคุ้มครองผลผลิตข้าวนาปี หากได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ นอกจากนี้จะทำให้เกษตรกรได้เรียนรู้ในการจัดการความเสี่ยงของตนเอง ด้วยการนำการประกันภัยเข้าไปรองรับ สำหรับโครงการประกันภัยข้าวนา ปีมีเกษตรกรกลุ่มแรกเข้าร่วมโครงการแล้ว เป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่เพาะปลูกเขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร

โครงการนี้มีบริษัทประกันวินาศภัยเข้าร่วมรับประกัน 8 บริษัทประกอบด้วย
1. บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด
2. บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
3. บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)
4. บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
5. บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน)
6. บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน)
7. บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด และ
8. บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน)

โดยโครงการนี้ส่งประกันภัยต่อให้บริษัทรับประกันภัยต่อต่างประเทศ (รีอินชัวเรอส์) 87% อีก 13% ที่เหลือจัดสรรกันระหว่าง 8 บริษัท

ที่มา : สยามธุรกิจ