โดย ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 22 มิถุนายน 2554 เวลา 10:40 น.

ประกันภัยรถยนต์แข่งแรงพลิกเกมดึงเบี้ยมอเตอร์ ครึ่งปีหลังตามทิศอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ขยายตัวสูง "เมืองไทย" เตรียมเสนอแพ็กเกจผลิตภัณฑ์เจาะลูกค้าต่ออายุกรมธรรม์ "ไทยไพบูลย์" รุกผ่านตัวแทนไทยประกันที่มี 2 ใบอนุญาต เล็งหาพันธมิตรโบรกเกอร์เสริมแกร่ง

กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 บริษัทยังจะเน้นการขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ ผ่านช่องทางตัวแทนเป็นหลัก โดยจะนำเสนอผลิตภัณฑ์แบบแพ็กเกจเข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติม เพื่อแข่งขันกับตลาดที่นับวันเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งบริษัทจะมุ่งไปยังเบี้ยประกันภัยต่ออายุมากกว่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ป้ายแดง

"ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตประกันภัยรถยนต์มากกว่า 40% จะพยายามรักษาลูกค้าไว้ โดยการออกผลิตภัณฑ์ที่เน้นการต่ออายุกรมธรรม์ไว้กับเรา เพราะปัจจุบันทุกค่ายหันมาเล่นตลาดรถยนต์กันมาก ตามยอดขายรถยนต์ที่เร่งตัวสูงขึ้น"

อย่างไรก็ดี การขายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางตัวแทนของบริษัท จะเน้นที่ประกันภัยรถยนต์ชั้น1 ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) และอัคคีภัย ส่วนช่องทางการขายประกันผ่านธนาคาร (แบงก์แอสชัวรันซ์) ผ่านธนาคารกสิกรไทย ก็ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่บริษัทจะให้ความสำคัญมาก เพราะถือเป็นช่องทางที่มีระดับการเติบโตสูงมากถึง 60% โดยทั้งปีคาดการณ์ว่าเบี้ยประกันภัยรับรวมของบริษัทจะเติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ระดับ 5,300 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกบริษัทสามารถทำได้เกิน 50% แล้ว ขณะที่กำไรในช่วงไตรมาส 1/54 เติบโต 8% หรือ 156 ล้านบาท

ประกันภัยพิเศษที่รับประกันให้กับผู้บริหาร ( D&A) มีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้บริษัทมีลูกค้าผู้บริหารที่มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) 100 ราย มีเบี้ยประกันภัยประมาณ 150 ล้านบาท ส่วนประกันภัยก่อการร้ายปีนี้บริษัทจะเน้นไปยังกลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีเบี้ยประกันภัยประมาณ 100 ล้านบาท

ขณะที่กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยไพบูลย์ ประกันภัย จำกัดกล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายพอร์ตประกันภัยรถยนต์ (มอเตอร์) เพิ่มขึ้นเป็น 30% ในปี 2556 จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 15% โดยใช้กลยุทธ์การทำตลาดร่วมกับบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด โดยขายผ่านตัวแทนของไทยประกันชีวิตที่มีใบอนุญาตตัวแทน 2 ใบ ที่สามารถขายผลิตภัณฑ์ของทั้งไทยประกันชีวิตและผลิตภัณฑ์ของไพบูลย์ประกันภัยได้ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนตัวแทนดังกล่าวประมาณ 3,000-4,000 คน

นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการขยายช่องทางการขายผ่านโบรกเกอร์เพิ่มเติม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทโบรกเกอร์ แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนนัก ว่าจะเริ่มเมื่อไหร่หรืออย่างไร ปัจจุบันพอร์ตเบี้ยประกันภัยรับรวมของบริษัทขณะนี้แบ่งสัดส่วนเป็นมอเตอร์ 15% อัคคีภัย 15% ประกันภัยทางเรือ 4% และอีก 66% ที่เหลือเป็นประกันภัยเบ็ดเตล็ด โดยเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับปีนี้ตั้งไว้ที่ 800 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกคาดว่าจะทำได้ประมาณ 400 ล้านบาท ดังนั้นทั้งปีบริษัทจึงมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายรวม

"ตอนนี้พอร์ตรถยนต์เรายังน้อยเกินไป จึงจะมีการทำโปรโมชันผลิตภัณฑ์ร่วมกับไทยประกันชีวิต ผ่านตัวแทนที่มีใบอนุญาต 2 ใบ และยังเดินหน้าหาช่องทางอื่นๆ เช่น โบรกเกอร์ที่เรายังไม่มี ให้เข้ามาเป็นช่องทางเสริมความแข็งแกร่งมากขึ้น"

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ