โดย สยามธุรกิจ วันที่ 8 มิถุนายน 2554 เวลา 00:00 น.

บริษัทประกันภัยเริ่มรับประกันนาล่มกรกฎาคมนี้ ขีดเส้นเปิดขายกรมธรรม์แค่ 1 เดือนเหตุเป็นโครงการนำร่องคุ้มครองไม่เกิน 120 วันเริ่มคุ้มครองตามวันเริ่มเพาะปลูก จำกัดรับประกันภัยนาข้าวช่วง “ไพรอตโปรเจกต์” แค่ 10 ล้านไร่ ทุนประกันภัยหมื่นล้านบาทชี้รีอินชัวเรอส์รับแชร์ 6,000 ล้านบาท อีก 4,000 ล้านบาทบริษัทประกันแบ่งสรรกันเอง มั่นใจวินาศภัยเข้าร่วมโครงการทุกคนอยากมีส่วนร่วมเพื่อประเทศ ด้านชาร์ทิสเมิน ชี้ประสบการณ์ทั่วโลกทำกำไรยาก

นายกสมาคมประกันวินาศภัย เปิดเผยถึงโครงการประกันภัยข้าวนาปีฤดูกาลเพาะปลูก 2554/2555 คุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติว่า จะเริ่มโครงการโดยกำหนดระยะเวลาขายกรมธรรม์ประกันภัย 1 เดือนคือระหว่างวันที่ 1-31 กรกฎาคม สำหรับข้าวนาปีทั่วประเทศที่เริ่มเพาะปลูกในช่วงเวลานี้ยกเว้นภาคใต้ที่จะเริ่มล่าช้าออกไป โดยวันเริ่มคุ้มครองจะยึดตามวันเริ่มเพาะปลูก สมมุติเริ่มเพาะปลูกวันที่ 15 มิถุนายนจะคุ้มครองย้อนหลังให้ ระยะเวลาคุ้มครองเท่ากับระยะเวลาการเพาะปลูกแต่ไม่เกิน 120 วันหรือ 3 เดือน

ในช่วง 1 เดือนนี้เป็นช่วงเตรียมความพร้อมของแต่ละหน่วยงานในด้านต่างๆ ทั้งด้านเอกสารการรับประกันภัย การรับข้อมูลผู้เอาประกันภัย การออกไปชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวนาถึงเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในฐานะผุ้ขับเคลื่อนโครงการดูแลเรื่องการเก็บเบี้ยประกันภัย และรับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยไปจ่ายให้กับชาวนา โดยชาวนาจะต้องมาขึ้นทะเบียนการเพาะปลูกกับทางกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งจะออกเอกสารแสดงสิทธิ์วันเพาะปลูกให้ เราจะยึดวันนั้นเป็นเริ่มเพาะปลูกและเริ่มคุ้มครองตามสัญญาประกันภัย

ส่วนจำนวนบริษัทประกันภัยที่จะเข้าร่วมรับประกันภัยในโครงการนี้ นายกสมาคมประกันภัยวินาศภัยกล่าวว่า ยังบอกไม่ได้มีจำนวนมากน้อยแค่ไหนเพราะเพิ่งสรุปเงื่อนไขต่างๆ เสร็จ เช่น กำหนดเวลาการเพาะปลูก การขึ้นทะเบียนการเพาะปลูกซึ่งเพิ่งแจ้งรายละเอียดต่างๆ ให้บริษัทสมาชิกรับทราบต้องให้เวลาพิจารณาตัดสินใจ แต่เชื่อว่าจะมีบริษัทประกันภัยเข้าร่วมโครงการจำนวนมากเพราะเป็นโครงการนำร่อง ทุกคนอยากให้ความร่วมมือเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์กับประเทศ โดยการรับประกันภัยก็ขึ้นอยู่กับกำลังความสามารถของแต่ละบริษัท

สำหรับโครงการประกันภัยข้าวนาปีตามมติครม. รัฐบาลกำหนดจ่ายชดเชย 606 บาทต่อไร่ อีก 1,400 บาทให้บริษัทประกันภัยเป็นผู้รับประกันในอัตราเบี้ยประกันภัย 130 บาทต่อไร่ รวมวงเงินชดเชยสูงสุดที่เกษตรกรจะได้รับ 2,006 บาทต่อไร่

ค่าเบี้ยประกันภัยดังกล่าวทางธ.ก.ส. ได้ออกมาตรการสนับสนุนเกษตรลูกค้าธ.ก.ส. ด้วยการอุดหนุนงบประมาณช่วยจ่ายค่าเบี้ยประกันให้ในอัตราไร่ละ 10 บาท จากค่าเบี้ยประกันภัยที่เกษตรกรต้องจ่าย 60 บาทต่อไร่ เพื่อจูงใจเข้าร่วมโครงการจัดเป็นโปรโมชั่นในช่วง 2 เดือนแรกนับแต่วันที่เริ่มโครงการเท่านั้น

ที่มา : สยามธุรกิจ