ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

คลังข้อมูลข่าวย้อนหลัง

ชาร์ทิส เงินหนาจ้องซื้อประกันวินาศภัยเพิ่ม

ชาร์ทิส จ้องซื้อวินาศภัยเพิ่มยืนยันไม่ควบ นิวแฮมพ์เชอร์ ตั้งเป้าโต 2 หลักรุกหนักรายย่อย

ชาร์ทิส เงินหนาจ้องซื้อประกันวินาศภัยเพิ่ม

มิถุนายน
10

โดย สยามธุรกิจ วันที่ 8 มิถุนายน 2554 เวลา 00:00 น.

เงินกองทุนที่เรามีถือว่าสูงมากกำลังดูอยู่ว่าจะทำให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร ซึ่งการซื้อบริษัทประกันวินาศภัยเพิ่มเป็นหนึ่งในช่องทางที่เรามองอยู่ ระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่งของกลุ่มชาร์ทิส ประเทศไทย (เดิมคือเอไอจี) ซึ่งประกอบด้วย บริษัท ชาร์ทิสประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท นิวแฮมพ์เชอร์ อินชัวรันส์ ณ สิ้นปี 2553 มีระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้สูงกว่าที่กฎหมายกำหนดถึง 1,373% หรือ 13.73 เท่าของระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ตามกฎหมายเทียบ กับเบี้ยประกันภัยรับ 3,300 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา แล้วดูเหมือนยังใช้ศักยภาพของเงินกองทุนทำประโยชน์จากธุรกิจได้ไม่เต็มที่นัก

การควบรวมระหว่าง 2 บริษัท คือชาร์ทิสประเทศไทยและนิวแฮมพ์เชอร์กล่าวว่า จะไม่มีการนำ 2 บริษัท มาควบรวมเข้าด้วยกัน เนื่องจากนิวแฮมพ์เชอร์เป็นสาขาต่างประเทศ ต้องมีไว้เพราะเป็นบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิต เรตติ้ง) แข็งแรงมีความจำเป็นมากรองรับงานลูกค้ารายใหญ่ (คอมเมอร์เชียล ไลน์ : พาณิชยกรรม) ส่วนชาร์ทิสเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย มีเครือข่ายทั่วประเทศรองรับการขยายงานลูกค้ารายย่อยตามพื้นที่รอบนอกเขตภูมิภาค “วันนี้ชาร์ทิสประเทศไทยดำเนินธุรกิจมา 70 ปีประสบความสำเร็จมากจุด ที่ทำให้สำเร็จคือคนและพนักงาน ในแง่ของฐานะทางการเงินก็แข็งแกร่ง จากนี้ไปเราต้องการโตในตลาดรายย่อย ตอนนี้เบี้ยลูกค้ารายย่อยกับรายใหญ่อยู่ที่ 50:50 ต้องการเพิ่มสัดส่วนงานรายย่อยเป็น 60% ในจำนวนนี้ 70% เป็นประกันภัยไม่ใช่รถยนต์ (นอน มอเตอร์)”

ปีนี้ชาร์ทิสตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยเติบโตเพิ่มขึ้น 2 หลักจากปีก่อน ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาเบี้ยประกันภัยเติบโต 15% เนื่อง จากชนชั้นกลางขยายตัวมากขึ้น มีทรัพย์สินที่จะทำประกันภัยมากขึ้น อีกทั้งเศรษฐกิจขยายตัว จะพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกมา ให้ลูกค้าเร็วขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงพันธมิตรช่องทางจำหน่ายต่างๆ อาทิ ตัวแทน นายหน้า โดย จะใช้อิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วยเพื่อความสะดวกในการขายเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งภายใน 18 เดือนข้างหน้านี้จะลงทุนระบบเทคโนโลยีประมาณ 3-4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 90-120 ล้านบาท)

“ระบบใหม่เหมือนเป็นอิเล็กทรอนิกส์ แพล็ตฟอร์ม จะเชื่อมโยงกับตัวแทน นายหน้าและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ทำทุกอย่างได้เร็วขึ้น ซื้อประกันได้ง่ายขึ้นทำทุกอย่างแบบออนไลน์ อาศัยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีมาช่วยในการทำธุรกิจทำ ให้ต้นทุนลดลงผลิตภัณฑ์มีราคาถูกลง ปีนี้เราจะเริ่มระบบใหม่ที่ว่านี้กับลูกค้าขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่เรามีเป้าหมายจะขยายก่อน ซึ่งการขยายลูกค้ากลุ่มนี้ใช้แบบประกันภัยทรัพย์สินที่มีอยู่เสนอเข้าไป ปีหน้าจะขยายไปยังลูกค้ารายย่อย อาทิ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) ประกันอุบัติเหตุการเดินทาง (TA) ประกันภัยรถยนต์ เป็นต้น ในเรื่องของสินค้าต้องดูลูกค้าต้องการอะไร รวมถึงพูดคุยกับพันธมิตรของเราจะได้คิดค้น พัฒนาสินค้าให้ตรงความต้องการ ออกมาให้เร็วที่สุด ประหยัดที่สุด อย่างการพัฒนาด้านไอทีเชื่อมต่อกับตัวแทน นายหน้าทำให้สินค้าเข้าถึงลูกค้าได้เร็วมากขึ้น” นอกจากตัวแทนที่เป็นช่องทางหลัก บริษัทยังมีช่องทางจำหน่ายอื่นๆ เช่น จับมือกับสายการบินและธนาคารนำสินค้าไปขายพ่วงเสนอให้กับฐานลูกค้าของเขา ธนาคารที่เป็นพันธมิตรคงบอกไม่ได้มีใครบ้าง ส่วนสายการบินที่เป็นพันธมิตรคือ สายการบินใหญ่ๆ ทั่วโลกอยู่ซึ่งในภูมิภาคเอเชียโดยบริษัทเป็นเบอร์ 1 พันธมิตรกับสายการบินส่วนในไทยก็มีอยู่

สำหรับกระแสการตอบรับแบรนด์ “ชาร์ทิส” หลังจากลอนช์มาได้ประมาณ 2 ปี สำหรับประเทศไทยดีเป็นตามที่คาดหวัง แต่เนื่องจากเวลาไม่นานนักต้องใช้เวลา การสร้างแบรนด์จะคู่ไปกับการเติบโตของธุรกิจ ขณะที่ระดับสากลแบรนด์ชาร์ทิสแข็งแรงมากมีลูกค้าทั่วโลก 45 ล้านรายมากกว่า 160 ประเทศ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทชั้นนำในกลุ่ม “ฟอร์จูน 500” มั่นใจในตลาดลูกค้ารายใหญ่ให้การยอมรับแบรนด์ชาร์ทิส แต่ในตลาดรายย่อยถือว่าแบรนด์ยังใหม่อยู่เทียบไม่ได้กับเอไอจี “จุดแข็งของชาร์ทิสคือ พนักงานที่นี่เก่งเราอยู่มา 70 ปี สร้างความสัมพันธ์ทั้งไม่ใช่เฉพาะลูกค้าระดับเจ้าหน้าที่ด้วย และก็การวางแผนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคน ผลิตภัณฑ์ ช่องทางขาย ในประเทศไทยถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง”

ที่มา : สยามธุรกิจ