โดย สยามธุรกิจ วันที่ 21 พฤษภาคม 2554 เวลา 00:00 น.

การขยับตัวของธนาคารออมสินในการขยายตลาดประกันชีวิตในปีที่ผ่านมา เป็นที่น่าจับตามองของธุรกิจประกันชีวิตไม่น้อย ด้วยแบงก์เฉพาะกิจแห่งนี้เริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้าประกันชีวิต หรือที่เรียกว่า "เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต" ให้มีความหลากหลายมากขึ้น จากเดิมเน้นที่ความคุ้มครองระยะยาว มาถึงวันนี้เริ่มออกสินค้าออมหรือสะสมทรัพย์ระยะสั้นมาขายมากขึ้น ซึ่งเป็นการปรับกลยุทธ์ของแบงก์ออมสินในปีนี้ รวมทั้งร่วมกับพันธมิตรบริษัทประกันวินาศภัยรุกตลาดประกันวินาศภัยอย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายเบี้ยใหม่ 15,000 ล้านบาทเป็นเดิมพัน ปรับแผน70% ขายออมสั้น-ลงทุนรับมือพ.ร.บ.ประกันเงินฝาก-ดบ.ขาขึ้น

"ปีนี้ออมสินเรามีสินค้าส่วนของเงินฝากสงเคราะห์ชีวิตใหม่ๆ แบบคุ้มครองระยะสั้นออกมาหลายแบบ เช่น ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2554 นี้ และมาเปิดตัวในงานมันนี่เอ็กซ์โป 2011 นี้ เป็นแบบออมสินเพิ่มพูน 6/2 ส่งเงินฝาก 2 ปีคุ้มครอง 6 ปี โดยผลตอบแทน IRR อยู่ที่ 4.13% นอกจากนี้ยังมีแบบทรัพย์เพิ่มพูน 10/2 ชำระเบี้ย 2 ปีคุ้มครอง 10 ปีตัวนี้ผลตอบแทน IRR อยู่ที่ 4.2% และเราเตรียมจะปรับปรุงแบบ 10/2 นี้ใหม่ให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยจะปรับเพิ่มผลตอบแทนเป็น 4.8% คาดว่าจะออกขายในเดือนมิถุนายนนี้"

"ขณะนี้เรามีผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิตรวม 22 แบบ ซึ่งมีให้เลือกทั้งออม คุ้มครอง และลงทุน โดยปีนี้เราวางเป้าหมายเงินฝากสงเคราะห์ชีวิตที่เป็นเงินฝากใหม่ หรือเบี้ยใหม่ 15,000 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อหักกับเงินฝากที่ครบกำหนด บวกกับเงินฝากต่ออายุแล้ว คาดว่ายอดเงินฝากสงเคราะห์ชีวิตรวมปีนี้จะอยู่ที่ 67,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 12% เมื่อเทียบกับที่ทำได้ 60,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา โดย 70% จะมาจากลุ่มผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิตระยะสั้น" เร่งอบรมพนง.ออมสินส่งสอบไลเซ่นส์ทั้งชีวิต-วินาศภัย

พร้อมกันนี้ยังได้ลงนามความร่วมมือกับบมจ.ทิพยประกันภัย ในการนำเสนอขายสินค้าของทิพยในสาขาของธนาคารออมสิน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้ โดยขายทั้งประกันภัยรถยนต์ ประกันอัคคีภัย และประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) ตั้งเป้ายอดขายในปีแรกนี้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท

"ลูกค้าของเราส่วนใหญ่เป็นลูกค้าต่างจังหวัด ซึ่งเชื่อว่ามีความต้องการทั้งประกันชีวิต และประกันวินาศภัย จริงๆ เราก็ไม่ได้ปิดกั้นพันธมิตรมีคนติดต่อเรามาเยอะมาก แต่ที่เซ็นMOU กับทิพยก่อน เพราะเราเป็นผู้ถือหุ้น และทางทิพยเป็นผู้มาวางระบบให้กับเรารวมทั้งการอบรมพนักงาน ปีนี้เราวางเป้าหมายไว้สาขาละ 1 ล้านบาท ซึ่งเรามีอยู่ประมาณ 900 กว่าสาขา รวมแล้วก็ประมาณ 1,000 ล้านบาทในปีแรก ก่อนที่จะตั้งเป้าแบบก้าวกระโดดในปีต่อไป"

ที่มา : สยามธุรกิจ