เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรม ประกันภัยรถยนต์ มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราการเติบโตของเบี้ย ประกันภัย รับสูงขึ้นเป็นลำดับ ประกอบกับในปี 2558 จะมีการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยจะมีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ แรงงาน และการคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศให้เป็นไปอย่างเสรี จึงเป็นโอกาสดีที่อุตสาหกรรม ประกันภัยรถยนต์ ของประเทศไทยจะเติบโตขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า และ เวียดนาม) รวมถึงมาเลเซียซึ่งมีพื้นที่ติดกับประเทศไทย จึงได้เชิญสมาคมประกันวินาศภัยไทย และบริษัทประกันวินาศภัย มาประชุมหารือร่วมกันเพื่อดำเนินมาตรการผลักดันให้อุตสาหกรรม ประกันภัยไทยเพิ่มศักยภาพในการประกอบธุรกิจและขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อรองรับความเติบโตของอุตสาหกรรม และให้สาธารณชนได้รับการบริการที่ดีขึ้น โดยมอบนโยบายดำเนินการ 2 ด้าน คือ
1. ด้านการ ประกันภัยรถยนต์ ภาคบังคับ ให้บริษัท ประกันภัยเร่งประชาสัมพันธ์การจ่ายค่าสินไหมทดแทน ผ่านระบบสินไหมอัตโนมัติ (E-Claim) อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนทราบ และใช้สิทธิเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากรถยนต์ ซึ่งจะมีการกำหนดตราสัญลักษณ์ให้กับบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ E-Claim เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนต่อไป รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการขาย ประกันภัยรถยนต์ ภาคบังคับให้เป็นแบบ On-Line และการรายงานข้อมูลการรับ ประกันภัยแบบ Real time เพื่อให้สามารถรับทราบข้อมูลด้านการ ประกันภัย อย่างรวดเร็ว และเกิดประโยชน์ต่อการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยจากรถยนต์ ทั้งนี้คาดว่าจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2556 นอกจากนี้ยังมอบหมายให้คณะทำงานร่วมภาครัฐและเอกชน ทบทวนการเพิ่มความคุ้มครองความเสียหายของการ ประกันภัยรถยนต์ ภาคบังคับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่แท้จริง
ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ได้มีโครงการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาระบบ ประกันภัย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ เช่นการขยายความคุ้มครองประเภททรัพย์สิน เพื่อยกระดับให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล
2. ด้านการ ประกันภัยรถยนต์ ภาคสมัครใจ ตามที่สำนักงาน คปภ. ได้เคยมอบนโยบายให้สมาคมประกันวินาศภัยไทย ศึกษาการเปิดเสรีการ ประกันภัยรถยนต์ในเรื่องอัตราเบี้ย ประกันภัย และอัตราค่าคอมมิสชั่น เพื่อให้สะท้อนภาพที่แท้จริงของการดำเนินธุรกิจ ประกันภัย นั้น ผลการศึกษาคาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2556 และจะสามารถใช้เป็นแนวทางวางแผนการดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอนต่อไป สำหรับการเสริมสร้างศักยภาพ และประสิทธิภาพในการขยายตัวของธุรกิจ ประกันภัย โดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการบริหารจัดการ เพื่อลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจให้เทียบเคียงกับต่างประเทศได้นั้นก็จะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ได้มอบหมายเพิ่มเติมให้สมาคมประกันวินาศภัยไทยเพิ่มบทบาทในการเป็นศูนย์กลาง ในเรื่องร้องเรียน ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่มีปัญหาด้านการ ประกันภัย กับบริษัทสมาชิก โดยมีเป้าหมายเพื่อยกมาตรฐานการให้บริการประชาชน และการประกอบธุรกิจของบริษัทสมาชิก อีกทั้งจะส่งดีต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจ ประกันภัย
ด้านนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ผ่านระบบ E-Claim การออก และเสนอขายกรมธรรม์ ประกันภัยแบบ On-Line และการรายงานข้อมูลการรับ ประกันภัยแบบ Real time นั้น สมาคมฯ รับที่จะไปดำเนินการหารือร่วมกับบริษัทสมาชิก นอกจากนี้ในเรื่องการเปิดเสรีการ ประกันภัยรถยนต์ นั้น สมาคมฯได้จ้างผู้เชี่ยวชาญศึกษาเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งได้มีการหารือร่วมกับสภาธุรกิจ ประกันภัยไทย สมาคมประกันชีวิตไทย เพื่อจัดทำแผนการเปิดเสรีด้านการ ประกันภัย แบบเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชน และธุรกิจ ประกันภัยโดยรวม
ที่มา : อาร์วายทีไนน์