ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

คลังข้อมูลข่าวย้อนหลัง

เคแบงก์โหมขาย ปีหน้าโต 3 เท่า ลั่นเบอร์ 1 ประกันภัย

ครองอันดับ 1 ช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ เบี้ยใหม่ 5,700 ล้านบาท ประกันภัยสินเชื่อ, ทรัพย์สิน, สรรพภัย, ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง, อัคคีภัย โตตามเป้า

เคแบงก์โหมขาย ปีหน้าโต 3 เท่า ลั่นเบอร์ 1 ประกันภัย

กันยายน
1

โดย สยามธุรกิจ วันที่ 31 สิงหาคม 2554 เวลา 00:00 น.

รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (เคแบงก์) เปิดเผยว่า ธนาคารครองอันดับ 1 ในช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ โดยครึ่งปีแรก2554 มีเบี้ยใหม่ (New Business Premium) ถึง 5,700 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทีย กับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการประกันภัยสำหรับธุรกิจ (Corporate & SME) โดยเฉพาะในส่วนของการประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี (Credit Life Insurance) ที่ธนาคารถือเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มนี้ โดยในครึ่งปีแรก ที่ผ่านมามีเบี้ยประกันสินเชื่อ 1,660 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 70%

ขณะที่ในส่วนของการประกันวินาศภัยกลุ่มลูกค้าธุรกิจ จะมีทั้งการประกันภัยสินเชื่อทางการค้า (Trade Credit Insurance) การประกันภัยทรัพย์สิน (Property Insurance) การประกันสรรพภัย (Industry All Risk : IAR) การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง (Marine & Transportation Insurance) ประกันอัคคีภัย ซึ่งในครึ่งปีแรกสามารถเติบโตได้ 23% ตามเป้า

เรารุกตลาดประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีมากว่า 3 ปี โดยปัจจุบันมีลูกค้าเอสเอ็มอีทำประกันสินเชื่อกับเราประมาณ 40% ของฐานลูกค้าเอสเอ็มอีทั้งหมดของเรา และในจำนวนนี้ 30% ยังทำประกันชีวิตรายบุคคลเพิ่มด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบบสะสมทรัพย์ (Saving) เช่น แบบ Pro Saving 614 เป็นต้น โดยเราพยายามจะผลักดันให้ลูกค้าเอสเอ็มอีของเรา ทำประกันสินเชื่อให้ได้ถึง 80% ของทั้งหมด คาดว่าถึงสิ้นปีเรายังคงเป็นอันดับ 1 และเบี้ยเติบโตกว่า 70% หรือเป็นเบี้ยประมาณ 3,400 ล้านบาท

ส่วนการประกันวินาศภัยกลุ่มลูกค้าธุรกิจ เน้นที่การประกันสินเชื่อทางการค้า หรือเทรดเครดิต อินชัวรันส์ ซึ่งตลาดยังน้อยเพียง 2% ของผู้ส่งออก โดยธนาคาร มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 25% ของตลาดรวม ขณะที่ตลาดส่งออกมีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านล้านบาท และในจำนวนนี้ 30% หรือประมาณ 3 ล้านล้านบาท เป็นการใช้บริการเปิด L/C อีก 70% หรือ 7 ล้านล้านบาท ที่เป็นกลุ่มที่สามารถใช้ประกันเทรดเครดิตได้ แต่ยังมีผู้ใช้บริการเพียง 20,000-30,000 ล้านบาทเท่านั้น จึงยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าในปีหน้าส่วนของการประกันวินาศภัยกลุ่มลูกค้าธุรกิจ เติบโตเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากปีนี้ โดยส่วนหนึ่งมาจากประกันเทรดเครดิต ที่คาดว่าลูกค้ากลุ่มส่งออกจะหันมาซื้อป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น จากการเกิดวิกฤติการเงินในหลายประเทศในยุโรป รวมถึงโซนอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงทั่วโลก ซึ่งอัตราเบี้ยคิดตามโซนความเสี่ยงของพื้นที่ และประเภทของอุตสาหกรรม

โดยจากข้อมูลของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) ในปี 2550-2553 ที่ผ่านมามีผู้ซื้อไม่ชำระค่าสินค้าสูงถึง 81.7% อัตราเบี้ยของเทรดเครดิตเฉลี่ยประมาณ 50-75% ของทุนประกัน โดยบริษัทขนาดใหญ่จะซื้อประกันภัยนี้ แต่เอสเอ็มอียังไม่ซื้อมากนัก ซึ่งหากว่าเราส่งเสริมให้เขาซื้อ โดยชี้ให้เห็นว่าเราสามารถช่วยในการต่อรองกับคู่ค้าได้ ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้ผู้ส่งออกไทยที่เคยส่งออกในเทอม FOB (Free On Board) หันมาส่งออกในเทอม CIF (Cost,Insurance and Freight) ให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีปัญหาว่าลูกค้าไม่รู้ว่าจะหาอัตราของ CIF ได้จากที่ไหน ทางเราก็จะช่วยลูกค้าโดยโค้ดราคาให้ดูทั้ง 2 แบบ พร้อมทั้งฝึกอบรมทีมขายของเรากว่า 1,000 คนในการนำเสนอลูกค้า ก็จะช่วยให้การเติบโตเป็น 3 เท่าได้ตามเป้า โดยคาดว่าสัดส่วนเบี้ยประกันเทรดเครดิตจะอยู่ที่ 19% ของเบี้ยประกันวินาศภัยกลุ่มลูกค้าธุรกิจ โดยที่เบี้ยประกันสรรพภัย (IAR) จะมีสัดส่วนมากที่สุด 41% ประกันมารีน 29% และประกันภัยอื่นๆ 11%

ที่มา : สยามธุรกิจ