โดย ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 28 พฤษภาคม 2554 เวลา 00:00 น.

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) นำโดยพล.ต.ท. ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผช.ผบ.ตร) และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ สตช. เชิญบริษัทไฟแนนซ์ บริษัทประกันภัยรถยนต์และจักรยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก บริษัทติดตั้งจีพีเอส สวพ.91 และ จส.100 และสื่อมวลชน เพื่อหาแนวทางร่วมกันในการปราบปรามและให้ประชาชนที่เดือดร้อนจากรถหาย รีบแจ้งรถหายไปยังสายด่วน 1599 ทันที เพื่อจะได้เกิดผลในการจับกุม ขณะเดียวกันด่านเข้า-ออกรอยต่อชายแดนก็ได้มีการเข้มงวดในการเข้าออกมากขึ้นแล้ว

แหล่งข่าวจากวงการไฟแนนซ์ และบริษัทประกันภัยสำหรับรถจักรยานยนต์ เปิดเผยว่าขณะนี้แก๊งโจรกรรมรถจักรยานยนต์ได้พัฒนาวิธีการ และรูปแบบการโจรกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก ทำให้ไฟแนนซ์และบริษัทประกันรับมือไม่ทันและมีความเสี่ยงสูง แต่ที่ยังยืนอยู่ได้เพราะส่วนใหญ่บริษัทยังมีลูกค้าดีอยู่ในมือ โดยไฟแนนซ์ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยขั้นต้นอยู่ที่ 1.85-2.3 % ส่วนลูกค้าที่เป็นแก๊งมิจฉาชีพหากไม่มีการรับมือหรือจับกุมได้ ก็จะกลายเป็นการบั่นทอนเศรษฐกิจของประเทศได้ เมื่อตัวเลขการโจรกรรมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยไม่เกิน 3 เดือนยอดการโจรกรรมรถจักรยานยนต์พุ่งสูงขึ้นมาหลายพันคัน ขณะที่บริษัทไฟแนนซ์และบริษัทประกันภัยก็ไม่สามารถแยกแยะได้ว่า ลูกค้ากลุ่มไหนเป็นลูกค้าดี และกลุ่มไหนเป็นแก๊งมิจฉาชีพ

ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไทยซูซูกิ มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า รูปแบบในการโจรกรรมจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ซึ่งแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ ซูซูกิมองว่าจะต้องมีการร่วมมือกันจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นจากทั้งฝั่งภาครัฐโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือฝั่งผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิต ,ตัวแทนจำหน่าย,บริษัทไฟแนนซ์ ,บริษัทประกัน ดังนั้นควรจะมีศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูล ที่จะมีฐานข้อมูลและสามารถเช็กประวัติของบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นแก๊งโจรกรรม รวมไปถึงกฎหมายบังคับใช้ที่จะควบคุมมิจฉาชีพเหล่านี้ก็ต้องมีความเข้มงวดและมีการจับกุมอย่างจริงจัง

ในส่วนของผู้ประกอบการมีเพียงแนวทางที่ช่วยเหลือลูกค้าคือ การแถมประกันภัยให้เพื่อเป็นการป้องกันเบื้องต้น ส่วนวิธีการหรือแนวทางการตลาดที่ทำให้การซื้อขายจักรยานยนต์ในปัจจุบันง่ายขึ้น และเอื้อต่อการเป็นเจ้าของรถได้ง่ายนั้น ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เหล่ามิจฉาชีพเติบโต ทั้งนี้เนื่องจากการโจรกรรมที่เกิดขึ้นมีหลากหลายรูปแบบ ทำให้ผู้ประกอบการที่เป็นตัวแทนจำหน่ายไม่สามารถรับรู้ได้ว่า ลูกค้าคนไหนที่จะเป็นกลุ่มคนในแก๊งมิจฉาชีพ

"สิ่งที่เกิดขึ้นกระทบกับหลายส่วน แต่บริษัทประกันและบริษัทไฟแนนซ์จะต้องแบกรับภาระที่หนักที่สุด ในส่วนของผู้ผลิตก็กระทบเช่นเดียวกัน เพราะหากการโจรกรรมแพร่หลายก็จะทำให้บริษัทไฟแนนซ์อนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น และทำให้ยอดขายรถจักรยานยนต์อาจจะหดตัวลง ส่งผลให้ตลาดรวมก็จะไม่โตตาม"

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ