โดย สยามธุรกิจ วันที่ 25 พฤษภาคม 2554 เวลา 19:59 น.
การผลักดันกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยแบบใหม่เพิ่มความคุ้มครองภัยอีก 5 ภัย ได้แก่ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ลูกเห็บ พายุ และก่อการร้าย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และสมาคมประกันวินาศภัยร่วมกันจัดทำตั้งแต่ปีก่อนเพื่อลดความเสี่ยงของบ้านอยู่อาศัย หากเกิดภัยธรรมชาติโดยเฉพาะน้ำท่วมซึ่งมีแนวโน้มเกิดมากกว่าภัยอื่น เบื้องต้นกำหนดเบี้ยประกันภัย 200 บาท วงเงินความคุ้มครอง (ทุนประกันภัย) 50,000 บาท/ภัย/ปี โดยจะบวกความคุ้มครองทั้ง 5 ภัยเข้าไปในกรมธรรม์อัคคีภัยพื้นฐานเลยพูดง่ายๆ คือคนที่ ทำประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยจะได้ความคุ้มครองทั้ง 5 ภัยนี้เพิ่มเข้ามานอกจากความคุ้มครองพื้นฐาน โดยไม่ต้องมาขอซื้อเพิ่มทีหลัง ขณะที่คปภ. ไม่อยากให้บวกเพราะเหมือนเป็นการบังคับประชาชนอยากให้เป็นทางเลือก ซึ่งขณะนี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้ทำให้กรมธรรม์นี้ยังไม่คลอดออกมาจนแล้วจนรอด
ล่าสุด คปภ.มีข้อเสนอใหม่อีก โดยคปภ.ขอเพิ่มทุนประกัน ภัยจาก 50,000 บาทเป็นไม่เกิน 100,000 บาท โดยไม่ต้องลิมิตกำหนดเคลมได้ปีละ 2 ครั้งหรือครั้ง 50,000 บาทต่อภัย กล่าวคือหากบ้านอยู่อาศัยเจอภัยใดภัยหนึ่งใน 5 ภัยนี้ อาทิ น้ำท่วม แผ่นดินไหว สามารถเคลมประกันได้ทันทีตามความเสียหายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ขณะที่เบี้ยเพิ่มเป็น 250 บาท “ทุนประกันที่เราขอเพิ่มเป็น 100,000 บาท เคยคุยกับทางคณะกรรมการประกันภัยทรัพย์สิน สมาคมฯ เขาขอลิมิตปีหนึ่งจ่าย 2 ครั้ง ครั้งละ 50,000 บาทไม่จ่ายครั้งเดียว 100,000 บาท แต่อยากให้จ่าย 100,000 บาทไปเลยไม่ต้องมาลิมิต เรามองว่าไม่เยอะ โอกาสเสียหายเกินมีมากกว่าซึ่งถ้าจ่าย 100,000 บาท ก็ให้สมาคมไปกำหนดรายละเอียดการจ่ายได้เบี้ย 250 บาททุนประกัน 100,000 บาทเราคิดว่าบริษัทประกันอยู่ได้”
เท่าที่ศึกษารูปแบบในต่างประเทศอาทิ ญี่ปุ่นระยะเริ่มต้นจะบวกเข้าไปในกรมธรรม์พื้นฐานเลย พอระยะหลังกองทุนโตมากขึ้นก็เลิกบังคับเพราะ
1. ถ้าไม่บวกเข้าไปประชาชนไม่ตระหนักถึงความเสี่ยงภัยธรรมชาติเท่าไรและไม่คิดจะทำ
2. ภัยประเภทนี้มีแนวโน้มเกิดเพิ่มขึ้นและเป็นภาระด้านงบประมาณของรัฐบาลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และ
3. ประชาชนไม่ค่อยเข้าใจการใช้ระบบประกันภัยในการกระจายภัยลักษณะนี้คือ คนไม่เชื่อว่าเมื่อเกิดมหันตภัยขึ้นความเสียหายมหาศาล ระบบประกันภัยจะทำจริงหรือ ซึ่งหากดูสถิติการทำประกันภัยมหันตภัยในต่างประเทศประเทศที่พัฒนาหรือประเทศร่ำรวยมีอัตราการทำประกันภัยนี้ 30-40% เทียบกับประเทศกำลังพัฒนาทำประกันไม่ถึง 5% ถ้าประเทศไทยไม่ใช้วิธีพ่วงเข้าไปในกรมธรรม์จะเป็นภาระกับรัฐบาลมากขึ้น
ที่มา : สยามธุรกิจ