คปภ.เซ็งจัดเงินประกันภัยไหลออกอื้อ

โดย สยามธุรกิจ วันที่ 16 กรกฎาคม 2554 เวลา 00:00 น.

ขณะที่ “คปภ.” หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เริ่มคุมเข้มการประกันภัยต่อของธุรกิจประกันภัยด้วยการออกกฎใหม่ ประกาศคปภ. เรื่องหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการประกันต่อของบริษัทประกันชีวิต และประกันวินาศภัยที่กำลังเปิดรับความคิดเห็น (เฮียริ่ง) จากภาคธุรกิจอยู่ โดยมีการกำหนดกติกาใหม่ๆ ในการประกันภัยต่อหลายเรื่อง อาทิ กำหนด “เรตติ้ง” หรืออันดับความน่าเชื่อของบริษัทรับประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอส์) ในต่างประเทศที่บริษัทประกันภัยในไทยจะส่งงานไปให้ เป็นต้น เพื่อให้บริษัทมีการบริหารความเสี่ยงด้วยวิธีการประกันภัยต่ออย่างเป็นระบบ และคัดเลือกผู้รับประกันภัยที่น่าเชื่อถืออันมีผลโดยตรงต่อความมั่นคงทางการเงิน

คปภ. ชี้วินาศภัยเก็บไว้ในปท.น้อยให้เพิ่มเท่าเพื่อนบ้านเดินสายเฮียริ่ง อีกขาหนึ่งคปภ.ก็ต้องการส่งเสริมให้บริษัทประกันภัย เก็บความเสี่ยงภัยไว้ในประเทศมากขึ้น โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้ คปภ.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกมาสอบถามกลยุทธ์ประกันภัยต่อ ของประกันวินาศภัยหลายแห่งมีการรับเสี่ยงภัยไว้ในประเทศอย่างไร สัดส่วนมากน้อยแค่ไหน เอาเกณฑ์อะไรมาคำนวณในการรับเสี่ยงภัยเอง โดยมีการพูดคุยกันถึงการรับเสี่ยงภัยไว้ในประเทศ ของบริษัทประกันวินาศภัยในปัจจุบันรับเสี่ยงภัยไว้ในประเทศน้อยเกินไป ต้องการให้เก็บความเสี่ยงภัยไว้ในประเทศเพิ่มขึ้น

เพราะหากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ธุรกิจประกันวินาศภัยของเขารับเสี่ยงภัยไว้ในประเทศมากเฉลี่ยทั้งระบบเกิน 75% และจะเพิ่มเป็น 80% หรือมากกว่านั้น ขณะที่บริษัทประกันวินาศภัยในประเทศไทยรับเสี่ยงภัยไว้เองเฉลี่ยทั้งระบบ 73% แต่ถ้าแยกเป็นประเภทประกันภัยหากเป็นประกันภัยรถยนต์ บริษัทประกันภัยในประเทศไทยรับเสี่ยงภัยไว้เกือบ 100% ขณะที่ประกันภัยเบ็ดเตล็ดน้อยมากเฉลี่ย 30% เพราะหากเป็นภัยใหญ่ เช่น ประกันภัยการบินไทย การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ไม่มีบริษัทใดกล้ารับมากอยู่แล้วเจอเคลมครั้งเดียวเจ๊ง

ไม่ได้บอกว่าอยากให้ธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทยรับเสี่ยงภัยไว้ในประเทศเท่าไหร่ ยังไม่มีเกณฑ์อยู่ในช่วงหาข้อมูลว่าควรจะเป็นเท่าไหร่ เพราะการรับเสี่ยงภัยประกันภัยแต่ละประเภท แต่ละบริษัทไม่เท่ากัน การที่คปภ.อยากให้บริษัทประกันวินาศภัยในประเทศไทยรับเสี่ยงภัยไว้ในประเทศมากขึ้น เพราะทำให้เบี้ยรับโดยตรงของทั้งระบบเพิ่มขึ้น มีเงินหมุนเวียนอยู่ในประเทศมากขึ้น สามารถนำไปลงทุนได้มากขึ้น เช่น ลงทุนในตลาดหุ้น ฝากธนาคารช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ

“เราปรับทุนประกันที่กำหนดให้บริษัทประกันวินาศภัยในประเทศ รับเสี่ยงภัยไว้เองมาแล้วหลายครั้ง อย่างอัคคีภัยเดิมกำหนดไว้แค่ 15 ล้านบาทเพิ่มเป็น 20 ล้านบาท แต่ตัวนี้ใช้มาหลายปีแล้วอาจจะถึงเวลาที่จะต้องปรับ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในตอนนี้ การรับเสี่ยงภัยไว้ในประเทศมากขึ้นจะทำให้ธุรกิจประกันวินาศภัยเติบโตมากขึ้น รายได้อยู่ในประเทศมากขึ้น ขีดความสามารถในการรับประกันภัยมีมากขึ้น การลงทุนมีมากขึ้น แต่โดยหลักถ้าเก็บความเสี่ยงภัยไว้เองต้องมีเงินกองทุนมารองรับ ซึ่งภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยเงินกองทุนน้อยทำให้ความสามารถ ในการรับความเสี่ยงภัยมีจำกัด”

บิ๊กวินาศภัยระบุต้องเชื่อมั่นผู้บริหารมีวิสัยทัศน์รู้ควรรับเสี่ยงได้แค่ไหน นายกสมาคมประกันวินาศภัย กล่าวว่าต้องดูเจตนาทั้งหมดของคปภ. เพื่ออะไร ภัยอะไรควรเก็บไว้ในประเทศหรือไม่ควรเก็บ หากบอร์ดคปภ.ส่งสัญญาณออกมาแบบนี้ต้องไปศึกษาให้ลึกกว่านี้ ลักษณะของภัยเป็นภัยอะไร ประเภทอะไร ที่ต้องการให้รับเสี่ยงภัยไว้ในประเทศเพิ่มขึ้น การกำหนดเป็นนโยบาย ให้บริษัทประกันภัยรับเสี่ยงภัยในประเทศมากขึ้นทำได้ แต่ต้องให้แต่ละบริษัททำความคิดรับเสี่ยงภัยอย่างไร ตนเชื่อว่าผู้บริหารบริษัทประกันภัยมีวิสัยทัศน์พอ รู้ว่าอะไรควรรับเสี่ยงภัยหรือมีกำลังรับไว้ได้แค่ไหน ต้องเชื่อมั่นในตัวผู้บริหารบริษัทประกันภัย

ต่อข้อถามว่าภาพรวมในตอนนี้ธุรกิจประกันวินาศภัยรับเสี่ยงภัยไว้ในประเทศได้เหมาะสมหรือยัง ไม่สามารถวิเคราะห์โครงสร้างของแต่ละบริษัทได้ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับความเสี่ยงของแต่ละบริษัท นโยบายและแนวทางการบริหาร ของแต่ละบริษัทไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างรีอินชัวเรอส์ขนาดใหญ่ในตลาดโลก แนวทางการมองความเสี่ยงภัยยังไม่เหมือนกัน หรือบริษัทประกันภัยขนาดใหญ่ในสหรัฐบางบริษัทรับประกันรถยนต์ บางบริษัทไม่รับประกัน เป็นต้น แล้วแต่การมองความต้องการในการบริโภคความเสี่ยงไม่เหมือนกัน

ที่มา : สยามธุรกิจ